ในยุคที่สังคมไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มตัว การดูแลผู้สูงอายุติดเตียง ที่บ้านเป็นเรื่องที่หลายครอบครัวต้องเผชิญ ปัญหาหลักคือการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยในการทำกิจวัตรประจำวัน ทั้งการพาเข้าห้องน้ำ เพื่ออาบน้ำขับถ่าย การขึ้นรถยนต์ไปโรงพยาบาล พาไปทานอาหาร เดินเล่น หรือกายภาพบำบัดฝึกยืนเดิน บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับ รถเข็นเคลื่อนย้ายผู้ป่วย อุปกรณ์สำคัญที่จะช่วยให้การดูแลผู้ป่วยที่บ้านเป็นเรื่องที่จัดการได้ง่ายขึ้นสำหรับทุกคน
รถเข็นเคลื่อนย้ายผู้ป่วย สำคัญอย่างไร
รถเข็นเคลื่อนย้ายผู้ป่วย ไม่ใช่เพียงอุปกรณ์ทางการแพทย์ แต่เป็นเครื่องมือที่จะเปลี่ยนคุณภาพชีวิตของทั้งผู้ป่วยและผู้ดูแล จากการสำรวจของสมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทย พบว่ากว่า 70% ของผู้ดูแลผู้สูงอายุติดเตียง ประสบปัญหาการบาดเจ็บจากการยกและเคลื่อนย้ายผู้ป่วย โดยเฉพาะอาการปวดหลังเรื้อรัง ขณะที่ 40% ของผู้ป่วยเคยได้รับบาดเจ็บจากการเคลื่อนย้ายที่ไม่ถูกวิธี
ประโยชน์ของการใช้รถเข็นที่มากกว่าการเคลื่อนย้าย
- ลดความเสี่ยงการบาดเจ็บ: ทั้งผู้ป่วยและผู้ดูแลมีความเสี่ยงต่ำลงจากการบาดเจ็บระหว่างการเคลื่อนย้าย
- เพิ่มความเป็นอิสระให้ผู้ป่วย: ไม่ต้องอยู่บน เตียง ตลอดเวลา สามารถมีส่วนร่วมในกิจกรรมครอบครัวได้มากขึ้น
- ป้องกันภาวะแทรกซ้อน: การเปลี่ยนอิริยาบถสม่ำเสมอช่วยลดความเสี่ยงของแผลกดทับและปอดอักเสบ
- ส่งเสริมสุขภาพจิต: การได้เคลื่อนไหวและเปลี่ยนสภาพแวดล้อมช่วยลดภาวะซึมเศร้าในผู้ป่วยติดเตียงได้
- ผ่อนแรงผู้ดูแล: ผู้ดูแลเพียงคนเดียวสามารถช่วยเหลือผู้ป่วยได้โดยไม่ต้องขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น
ความสะดวกในการใช้รถเข็นเคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเตียง
รถเข็นเคลื่อนย้ายผู้ป่วยมีการออกแบบที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของผู้ป่วยแต่ละราย การเลือกใช้รถเข็นที่เหมาะสมจะช่วยให้ทั้งผู้ป่วยและผู้ดูแลสามารถใช้ชีวิตได้สะดวกมากขึ้น
การอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวัน
รถเข็นที่ออกแบบอย่างเหมาะสมสามารถช่วยให้ผู้ป่วยทำกิจวัตรประจำวันได้ง่ายขึ้น เช่น การรับประทานอาหาร การเข้าห้องน้ำ การอาบน้ำ หรือแม้แต่การออกไปรับอากาศบริสุทธิ์นอกห้อง โดยรถเข็นเคลื่อนย้าย ควรมีอุปกรณ์เสริมที่จำเป็น ถาดอาหาร ที่วางแขน เช่นรถเข็นเคลื่อนย้ายผู้ป่วย Easy Move 2 ที่ได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงปัจจัยเหล่านี้
ความคล่องตัวในการเคลื่อนที่
รถเข็นที่ดีควรเคลื่อนที่ได้คล่องตัวแม้ในพื้นที่จำกัดของบ้าน ความกว้างที่เหมาะสมจะช่วยให้สามารถผ่านประตูและทางเดินภายในบ้านได้
ล้อที่มีคุณภาพจะช่วยให้การเคลื่อนที่ราบรื่น เบาแรง และเงียบ ทำให้ผู้ดูแลสามารถเข็นรถได้โดยไม่เหนื่อยล้าจนเกินไป
- ย้ายจากเตียง ขึ้นไปเทียบรับผู้ป่วยจากบนเตียง ไม่มีช่องว่างระหว่างเตียงกับรถเข็น ไม่ต้องอุ้ม ปลอดภัยยิ่งขึ้น
- ปรับระดับความสูงได้ ช่วยให้ขึ้นไปเทรินบนเตียงหรือรถยนต์ได้เลย ไม่ต้องอุ้ม สะดวกยิ่งขึ้น
- ย้ายขึ้นรถยนต์ สามารถสอดเข้าไปชิดกับเบาะรถยนต์ได้ ช่วยให้ผู้ดูแลย้ายขึ้นรถยนต์ได้โดยไม่ต้องอุ้ม
- คร่อมชักโครกได้ ช่วยลดขั้นตอนการย้าย สามารถย้ายจากเตียงขึ้นรถเข็นเคลื่อนย้ายและคร่อมชักโครกขับถ่ายได้เลย
การเลือกรถเข็นที่คำนึงถึงคุณสมบัติเหล่านี้จะช่วยลดความเครียดและความเหนื่อยล้าของผู้ดูแล พร้อมทั้งเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบายให้กับผู้ป่วยในการใช้ชีวิตประจำวัน
การช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อน
การได้เปลี่ยนอิริยาบถจาก เตียง มานั่งบนรถเข็นช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดแผลกดทับและภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ จากการนอนเป็นเวลานาน นอกจากนี้ การได้เคลื่อนไหวและเปลี่ยนสภาพแวดล้อมยังช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดและการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกาย
ปัจจัยสำคัญในการเลือกรถเข็นเคลื่อนย้าย ที่เคลื่อนย้ายผู้ป่วย
การเลือกรถเข็นที่เหมาะสมไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องพิจารณาปัจจัยหลายอย่างประกอบกัน เพื่อให้ได้อุปกรณ์ที่ตอบโจทย์การใช้งานอย่างแท้จริง โดยสามารถพิจารณาได้จากปัจจัยเหล่านี้
น้ำหนักและความแข็งแรง
โครงสร้างรถเข็นเคลื่อนย้ายมักมีเสาอยู่ด้านเดียว เพื่อเข้าไปสอดรับผู้ป่วยบนเตียง ควรเลือกรถเข็นเคลื่อนย้ายที่ได้ผ่านการทดสอบรับน้ำหนักมาตรฐาน มอก. เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน
ปกติรถเข็นเคลื่อนย้ายต้องใช้ย้ายผู้ป่วยไปอาบน้ำ ต้องโดนน้ำเป็นประจำ ควรเลือกที่โครงสร้างเป็นสแตนเลส 304 ที่แข็งแรงไม่เกิดสนิม
ตัวอย่างเช่น รถเข็น Easy Move 2 ที่ออกแบบมาให้รับน้ำหนักได้ถึง 120 กิโลกรัม
ขนาดและความคล่องตัว
พิจารณาขนาดของรถเข็นให้เหมาะกับพื้นที่ในบ้าน โดยเฉพาะความกว้างของประตู ทางเดิน และห้องน้ำ การวัดขนาดพื้นที่ในบ้านก่อนเลือกซื้อรถเข็นเคลื่อนย้ายเป็นสิ่งจำเป็น รวมถึงรัศมีการหมุนของรถเข็นที่ควรเหมาะสมกับพื้นที่การใช้งาน
ระบบล้อและเบรก
ล้อของรถเข็นควรเคลื่อนที่ได้อย่างราบรื่น หมุนได้คล่องตัว และมีระบบเบรกที่เชื่อถือได้ ล้อควรเป็นแบบที่เหมาะกับพื้นผิวส่วนใหญ่ในบ้านและนอกบ้าน หากบ้านมีพื้นต่างระดับ ควรมีทางลาดสำหรับรถเข็นเคลื่อนย้าย
หรือสามารถเปลี่ยนเป็นล้อใหญ่เข็นใช้งานแบบวีลแชร์ได้ เพื่อให้กับการใช้งานนอกบ้าน
ความสะดวกสบายของผู้ป่วย
เบาะนั่งควรมีความนุ่มเพียงพอ แต่ก็ต้องรองรับโครงสร้างร่างกายได้ดี พนักพิงควรมีมุมที่เหมาะสม และมีการรองรับบริเวณศีรษะหากจำเป็น ที่วางแขนและที่วางเท้า ควรเป็นเบาะนุ่ม เพื่อความสบาย และไม่เกิดแผลกดทับ
อุปกรณ์เสริมที่จำเป็นสำหรับ รถเข็นเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
พิจารณาความต้องการพิเศษของผู้ป่วยแต่ละราย เพราะผู้ป่วยติดเตียงมีอาการที่แตกต่างกัน รถเข็นเคลื่อนย้ายที่ดีจึงควรตอบโจทย์ผู้ป่วย ซึ่งควรมีอุปกรณ์เสริมเหล่านี้
- เปลี่ยนสลับใช้งานล้อใหญ่ ใช้เป็นวีลแชร์ได้
- ปรับระดับได้ตามสรีระของผู้ป่วย
- มีอุปกรณ์เสริมสำหรับฝึกเดินได้ในรถเข็น
- โรงงานผลิตมีอะไหล่สำรอง เปลี่ยนได้ทันที
การดูแลรักษารถเข็นให้ใช้งานได้ยาวนาน
การลงทุนกับรถเข็นคุณภาพดีถือเป็นเรื่องคุ้มค่า อาจพิจารณาจากโครงสร้าง มาตรฐานการรับรอง และวิธีการดูแลรักษาที่เหมาะสม จะช่วยยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานยิ่งขึ้นได้
หากคุณต้องการทำความสะอาด ตรวจเช็คให้ดีว่าโครงสร้างเป็นเหล็กหรือไม่ เพราะหากเป็นเหล็กจะทำให้เกิดสนิมเมื่อใช้น้ำ หากเป็นสแตนเลส 304 เหมือน Easy Move 2 คุณสามารถล้างทำความสะอาดได้เลย
การทำความสะอาดประจำวัน
- เช็ดทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัสด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อที่ไม่มีฤทธิ์กัดกร่อน เช่นน้ำยาล้างจาน
- ทำความสะอาดล้อเพื่อกำจัดฝุ่นและสิ่งสกปรกที่อาจติดมา
- ซักทำความสะอาดผ้ารองนั่งและพนักพิงหากถอดซักได้
- เช็ดให้แห้งสนิทก่อนให้ผู้ป่วยใช้งาน
การตรวจสอบและบำรุงรักษา
- ตรวจสอบระบบเบรกอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง
- หล่อลื่นข้อต่อและจุดหมุนต่างๆ ตามคำแนะนำของผู้ผลิต
- ตรวจสอบน็อตและสกรูทุกตัวว่ายังแน่นหนาดี
- สังเกตความผิดปกติของล้อ เช่น การส่าย หรือการไม่หมุน
- ซ่อมแซมหรือเปลี่ยนชิ้นส่วนที่ชำรุดทันทีเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ

การสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีผ่านการเลือกใช้ รถเข็นเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
การเลือกใช้รถเข็นเคลื่อนย้ายที่เหมาะสมไม่เพียงแต่ช่วยอำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้าย แต่ยังมีส่วนสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตของทั้งผู้ป่วยและผู้ดูแลได้อีกด้วย ซึ่งอาจมีประโยชน์มากกว่าที่คุณคิด หากคุณต้องลงทุนกับรถเข็นเคลื่อนย้ายผู้ป่วยสักคัน เราขอสรุปข้อดีสั้นๆ ให้คุณ ดังนี้
การสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว
รถเข็นที่ใช้งานได้สะดวกช่วยให้ คนไข้ติดเตียง สามารถมีส่วนร่วมในกิจกรรมครอบครัวได้มากขึ้น เช่น การรับประทานอาหารร่วมโต๊ะ การชมโทรทัศน์ในห้องนั่งเล่น หรือการร่วมงานเลี้ยงในโอกาสพิเศษต่างๆ ช่วยลดความรู้สึกโดดเดี่ยวและเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว
การส่งเสริมสุขภาพจิต
การได้ออกจาก เตียง และเปลี่ยนบรรยากาศมีผลดีต่อสุขภาพจิตของผู้ป่วยอย่างมาก การได้สัมผัสแสงแดด ได้พูดคุยกับผู้คน
หรือแม้แต่การได้มองเห็นทิวทัศน์ที่แตกต่างจากเพดานห้องช่วยลดความเครียดและภาวะซึมเศร้าที่มักพบในผู้ป่วยติดเตียง
ซึ่งรถเข็นคุณภาพดีอย่าง Easy Move 2 ช่วยให้การพาผู้ป่วยออกไปยังพื้นที่ต่างๆ ทำได้สะดวกมากขึ้น
การลดภาระและความเครียดของผู้ดูแล
รถเข็นเคลื่อนย้ายที่ออกแบบอย่างเหมาะสมช่วยให้ผู้ดูแลสามารถจัดการการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยได้ด้วยตนเอง ลดการพึ่งพาคนอื่น ลดค่าใช้จ่ายในการจ้างผู้ช่วย และที่สำคัญคือลดความเครียดจากความกังวลเรื่องความปลอดภัยของผู้ป่วย การที่ผู้ดูแลมีความเครียดน้อยลงย่อมส่งผลดีต่อคุณภาพการดูแลโดยรวม
สรุป
รถเข็นย้ายผู้ป่วย ไม่ใช่เพียงอุปกรณ์ทางการแพทย์ แต่เป็นการลงทุนเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของทั้งผู้ป่วยและผู้ดูแล การเลือกรถเข็นที่มีคุณภาพและเหมาะสมกับความต้องการเฉพาะบุคคล
เช่น Easy Move 2 ที่สามารถปรับแต่งขนาด เสริมอุปกรณ์ฝึกยืน-เดินได้ จะช่วยให้การดูแลผู้ป่วยในระยะยาวเป็นเรื่องที่จัดการได้ และมีความสุขมากขึ้นสำหรับทุกคน
ไม่ว่าคุณจะเลือกรถเข็นเคลื่อนย้ายแบบใด สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณาปัจจัยรอบด้าน ทั้งอาการของผู้ป่วย ความปลอดภัย ความสะดวกสบาย ความคงทน และความเหมาะสมกับการใช้งานในสภาพแวดล้อมจริง
การลงทุนกับอุปกรณ์ที่มีคุณภาพแม้จะมีราคาสูงกว่าในระยะสั้น แต่จะให้ผลคุ้มค่าในระยะยาวทั้งในแง่ของค่าใช้จ่ายและคุณภาพชีวิตของทุกคนในครอบครัว